มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โดย ผศ.กฤษณ์ เจ็ดวรรณะ รองอธิการบดี และ ผศ.ดร.ธนภพ โสตรโยม คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ร่วมประชุมหารือแนวทางการทำความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ กรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาและเปิดโอกาสให้นักเรียนเด็กพิเศษ (ออทิสติก) มีโอกาสในการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ของคณะเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ โดยมี ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสาวมานิตา รุจะศิริ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด ดร.วรพล อิทธิคเณศร ประธานคณะขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาเขตบางพลัด หัวหน้าฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตบางพลัด และคณะครูจากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เขตบางพลัด ร่วมหารือ ณ ห้องประชุมรพีพัฒน์ สำนักงานอธิการบดี ศูนย์เทเวศร์
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีนักเรียนเด็กพิเศษ (ออทิสติก) จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เขตบางพลัดเขตเดียวมีเด็กพิเศษ (ออทิสติก) ถึง 60 คน และปัญหาที่สำคัญของเด็กกลุ่มนี้คือจะหลุดจากระบบการศึกษาหลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เนื่องจากปัญหาฐานะทางครอบครัว รวมถึงการเลี้ยงดู และปัญหาจากระบบการศึกษา สถานศึกษาที่รับเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นมีจำนวนไม่เพียงพอ ดังนั้นหากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย และ กทม. ในการรับเด็กเข้าเรียนศาสตร์วิชาชีพสำเร็จสมบูรณ์ก็จะทำให้เด็กพิเศษเหล่านี้ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง ไม่เป็นภาระของครอบครัวในอนาคตตามวัตถุประสงค์
ด้าน คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2568 จะเปิดห้องเรียนและเปิดรับสมัครกลุ่มนักเรียนเด็กพิเศษเป็นปีแรก โดยตั้งเป้านำร่องในโรงเรียนสังกัดเขตบางพลัดก่อนจำนวน 30 คน/ปีการศึกษา ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์ในการรับสมัครเข้าศึกษาให้เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยฯ และกรุงเทพมหานครกำหนด และนอกจากการดูแลด้านการศึกษาแล้ว จะมีการดูแลด้านสุขภาพและจิตใจของเด็ก ให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประจำวันดูแลตนเองได้ ทั้งก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียนจบ จนเด็กมีงานทำประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ โทรศัพท์ 02-665-3888 ต่อ 8285
อย่างไรก็ตามในการหารือครั้งนี้ คณะครูการศึกษาพิเศษ จากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เขตบางพลัด ชี้แจงว่าหากความร่วมมือก่อเกิดผลสัมฤทธิ์ ก็จะทำให้คณะครูการศึกษาพิเศษที่ดูแลเด็กพิเศษกลุ่มนี้มีความหวังมากขึ้นว่าหลังจากจบการศึกษาแล้ว เด็กนักเรียนเหล่านี้จะมีที่ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และดูแลตัวเองได้ต่อไปในอนาคต อีกทั้งจากความร่วมมือจะทำให้ครูเหล่านี้ได้มีความรู้เพิ่มเติมในการเรียนการสอนวิชาชีพเฉพาะทาง สำหรับการดูแลเด็กพิเศษเพิ่มขึ้นอีกด้วย
พุทธชาติ/ข่าว